วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การตั้งชื่อเรื่องและสรุปใจความสำคัญ


ใบกิจกรรม เรื่อง การตั้งชื่อเรื่องและสรุปใจความสำคัญ


 1. ชื่อเรื่อง  มีดโกนหนวดจอมเพ้อฝัน
                   มีดโกนหนวดแสนขี้เกียจ

ใจความสำคัญ
            
     มีมีดโกนหนวดสวยอันหนึ่งทำงานอยู่ในร้านตัดผม วันหนึ่งมันจึงออกจากด้ามไปผึ่งแดด เมื่อมันเห็นพระอาทิตย์ส่องแสงสะท้อนใบมีดราวกับกระจก มันมีความรู้สึกภูมิใจในประกายของมัน ดังนั้น เมื่อมันหวนคิดถึงอดีตที่เป็นเพียงมีดโกนหนวด จึงไม่อยากกลับไปที่ร้านตัดผมอีก มีดโกนหนวดก็แอบซ่อนตัวอย่างดีเพื่อหลบสายตาคนอื่นหลายเดือนผ่านไป วันหนึ่ง มันอยากออกไปสูดอากาศ จึงออกจากที่ซ่อน   เมื่อมันมองดูตัวเอง  มันตกใจมากที่เลื่อยที่ขึ้นสนิม  และใบมีดของมันก็ไม่สะท้อนความงดงาม มันสำนึกผิดอย่างขมขื่น แต่ไร้ประโยชน์ที่จะเสียใจกับความงามที่หายไป
              

คนขี้เกียจก็เหมือนกับมีดโกนนี้ คือ การไม่ทำการทำงาน เอาแต่เพ้อฝัน  จึงสูญเสียรูปร่างและความคมไป  สนิมนั้น ก็คือความเขลาและความเกียจคร้านที่อยู่ในตัวมนุษย์นั่นเอง









2. ชื่อเรื่อง  เพื่อนรักของฉัน
                  เพื่อนดีที่ควรคบ

ใจความสำคัญ

 มีเพื่อน2คนเดินทางกลางทะเลทราย ระหว่างทางเพื่อนทั้ง2ได้โต้เถียงกันจนเพื่อนคนหนึ่งตบหน้าเพื่อนอีกคนหนึ่ง เพื่อนที่โดนตบหน้าไม่ว่าอะไรแล้วได้เขียนข้อความบนทรายว่า ''วันนี้เพื่อนรักฉันตบหน้าฉัน"  แล้วก็เดินทางต่อไปจนไปพบอ่างน้ำ เพื่อนคนที่โดนตบหน้ได้กระดดดลงไปเกิดจมน้ำเพื่อนอีกคนหนึ่งจึงกระโดดไปช่วย แล้วเพื่อนคนที่โดนตบหน้าได้บันทึกข้อความไว้บนศิลาว่า "วันนี้เพื่อรักของฉันช่วยชีวิตฉันไว้" จนเพื่อนอีกคนหนึ่งสงสัยจึงถามว่า "ทำไมตอนที่ฉันทำร้ายเธอ เธอเขียนลงบนพื้นทราย แต่ตอนนี้เธอเขียนลงบนหิน" เขาจึงตอบว่า "เมื่อเพื่อนทำร้ายเรา เราครจะเขียนลงบนทราย เพื่อให้สายลมเพื่อให้สายลมแห่งอโหสิพัดาและลบมัทิ้งไปและเมื่อมีความประทับใจเราควรจารึกไว้บนศิลาซึ่งสายลมมิอาจทำให้มันเลืองลางได้"



                                                       



3. ชื่อเรื่อง คุ้กกี้
                 ขนมคุ้กกี้ไม่ถูกโขมย


ใจความสำคัญ


ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดีจำเป็นต้องรอเวลาถึง 3 ชั่วโมงในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทาง เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และคุกกี้ 1 ห่อ และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกินฆ่าเวลาไปพลาง ๆเธอสอดส่ายมองหาที่นั่งเมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุกกี้ เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่มนั่งอยู่สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือชายหนุ่มก็หยิบขนมคุกกี้ออกจากถุงซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น
ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้นทั้งสองส่งสายตามองกันเมื่อคุกกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย... ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุกกี้ชิ้นสุดท้าย...แล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น  เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้ว เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุกกี้ 1 ห่อ เธอตกใจมาก
ถ้าคุกกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า.....คุกกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน เธอลุกขึ้นทันที...
แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม เธอนั่นเองที่ไร้มารยาท เป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง
 แล้วคอยสงสัยตัวเองว่า
"เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง?
เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่"



                                                    





นางสาวปาณิสรา  เวินศรีสุข ม.4/14 เลขที่ 26











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น